บิตตรวจสอบ
(party bit)
เลขฐานสองที่ใช้ในในคอมพิวเตอรืมีอัตราความผิดพลาดต่ำ เพราะมีค่าความเป็นไปได้เพียง 0 หรือ 1 เท่านั้น แต่ก็อาจเกิดข้อบกพร่องขึ้นได้ภายในหน่วยความจำ เพราะฉะนั้น บิตตรวจสอบ หรือพาริตี้บิต จึงเป็นบิตที่เพิ่มเติมเข้ามาต่อท้ายอีก 1 บิต จึงถือเป็นบิตพิเศษที่ใช้สำหรับตรวจสอบความแม่นยำและความถูกต้องขอลข้อมูลที่จะถูกจัดเก็บลงในคอมพิวเตอร์
สำหรับบิตตรวจสอบ จะมีวิธีการตรวจสอบอยู่ 2 ธี
1. การตรวจสอบบิตภาวะคู่ (Even Parity)
2. การตรวจสอบบิตภาวะคี่ (Odd Parity)
ตัวอย่าง
ASCLL-8 Parity
0101 0010 1 R
0100 0101 1 E
0100 0001 0 A
0100 1101 0 M
- C ตรงกับรหัสแอสกี้ 0100 0011 และเนื่องจากบิต 1 มีอยู่ 3บิต อยู่แล้ว(เป็นเลขคู๊๋) ดังนั้น บิตตรวจสวนทีเพิมเข้าไปก็เป็น 1 เมื่อรวมบิตตรวจสอบเข้าไปหนึงบิตก็จะเป็น 0100 00111
ตัวอย่าง
ASCLL-8 Parity
0100 0011 1 C
0101 0010 1 R
0100 0101 1 E
0100 0001 0 A
0100 1101 0 M
- C ตรงกับรหัสแอสกี้ 0100 0011 และเนื่องจากบิต 1 มีอยู่ 3บิต อยู่แล้ว(เป็นเลขคู๊๋) ดังนั้น บิตตรวจสวนทีเพิมเข้าไปก็เป็น 1 เมื่อรวมบิตตรวจสอบเข้าไปหนึงบิตก็จะเป็น 0100 00111
-R ตรงกับรหัสแอสกี้ 0101 0010 และเนื่องจากบิต 1 มีอยู่ 3บิต อยู่แล้ว(เป็นเลขคู๊๋) ดังนั้น บิตตรวจสวนทีเพิมเข้าไปก็เป็น 1 เมื่อรวมบิตตรวจสอบเข้าไปหนึงบิตก็จะเป็น 0101 00101
-Eตรงกับรหัสแอสกี้0100 0101และเนื่องจากบิต 1 มีอยู่ 3บิต อยู่แล้ว(เป็นเลขคู๊๋) ดังนั้น บิตตรวจสวนทีเพิมเข้าไปก็เป็น 1 เมื่อรวมบิตตรวจสอบเข้าไปหนึงบิตก็จะเป็น 0100 01011
-Aตรงกับรหัสแอสกี้0100 0001 และเนื่องจากบิต 0 มีอยู่ 2บิต อยู่แล้ว(เป็นเลขค๊๋) ดังนั้น บิตตรวจสวนที่เพิมเข้าไปก็เป็น 0 เมื่อรวมบิตตรวจสอบเข้าไปหนึงบิตก็จะเป็น 0100 00010
-M ตรงกับรหัสแอสกี้0100 1101 และเนื่องจากบิต 0 มีอยู่ 4บิต อยู่แล้ว(เป็นเลขค๊๋) ดังนั้น บิตตรวจสวนที่เพิมเข้าไปก็เป็น 0 เมื่อรวมบิตตรวจสอบเข้าไปหนึงบิตก็จะเป็น 0100 11010

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น